Leather Shoes

ในการแต่งตัวของผู้หญิงเรา

ไม่ว่าจะสไตร์ไนก็ตามมีสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ...

ร้องเท้า!!

หากเราเลือกรองเท้าไม่เข้ากับชุดสวยๆของเราแล้วละก็

น่าเสียดายแย่เลยนะคะ

เพราะนั่นจะทำให้สาวๆ เสียความมั่นใจไปเลยทีเดียว ^^

ดังนั้นเราก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบการแต่งตัว :')

จึงต้องเลือกรองเท้าให้เข้ากับแนวที่ตัวเองชอบค่ะ

นี่เป็นหนึ่งในแบบของรองเท้าหนังที่เราชอบ

ใส่สบาย.. และจะแต่งตัวชิลๆ ไปเที่ยวข้างนอก

ก็สบายมาก

หรือจะม่กับชุดหวานๆ กระโปรงก็ได้ แต่เราจะเลือกสีอ่อนๆ เพื่อให้เข้ากับชุดของเราค่ะ

ตัวเราเองเป็นคนขี้เบื่อ เลยเปลี่ยนหลายๆแบบอยู่เสมอ

และการแต่งตัวบางครั้งก็หวาน บางครั้งก็ห้าว ^^

ดังนัน..

จึงมีรองเท้าหลายคู่นิดนึง

วันนี้ก็มาบ่นไว้แค่นี้ก่อนเน๊อะ :')

เดี๋ยวจะเบื่อเราซะก่อน

เจอกันในบทความหน้านะคะ

"Bye Bye"

My Idol

Ida-Ida Siriwut

Ammy The Botom Blues

เป็นคู่ที่น่ารักมากค่ะ

ชอบแต่งตัวแนววินเทจทั้งคู่เลย

เป็นความชอบส่วนตัวนะคะ สำหรับสองคนนี้ เราโดนใจ

สะดุดกาแต่งตัวมาก

แต่ละชุดออกงานของสองคนนี้ก็เจ๋งๆทั้งนั้น 

เราถึงชอบมากๆ

ประวัติ Ida

ชื่อจริง - ไอรดา ศิริวุฒิ

ชื่อเล่น - ไอด้า
เกิดวันที่ - 5 กรกฎาคม 2531
ส่วนสูง/น้ำหนัก - 165 เซนติเมตร / 40 กิโลกรัม
ภูมิลำเนา - นครราชสีมา
การศึกษา - ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร
ความใฝ่ฝัน - DJ ,พิธีกรรายการ
ความสามารถพิเศษ - เล่นกีตาร์

มิวสิกวิดีโอ

หนีไม่พ้น : Ebola
หนึ่งคนพิเศษ : พัดชา
Brighter Day : Klear feat. กอล์ฟ พิชญะ
ภาษาดอกไม้ : Calories blah blah
เวลา : Cocktail
กันและกัน : รุจ เดอะสตาร์
เอ่อ เอ่อ คือว่าฉันรักเธอ : the bottom blues
ใช่เธอ (It's You) : Poppy feat. fang

ภาพยนตร์

สามมิติ Behind the scene
รักมันใหญ่มาก เลิฟ จุลินทรีย์

โฆษณา

โฟมล้างหน้า นาอีฟ
GS Battery

ผลงานอื่น ๆ

ถ่ายแบบนิตยสาร Cheeze
Looking For A PERFECT SKY
พิธีกร Nice Channel

^^"

ประวัติ แอมมี่ The Bottom Blues

ชื่อ : ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์

ชื่อเล่น : แอมมี่

การศึกษา : มัธยมศึกษา โรงเรียนกรุงเทพคริสตียน
             : ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ABAC

งานอดิเรก : เตะฟุตบอล

ผลงาน

- นักร้องนำและมือกีต้าร์ วง The Bottom Blues
- เพลงประกอบละครเลดี้บ้านนา

เป็นคู่ที่น่ารักจิงๆใช่ม้า

หลงรักเลยทีเดียว >///<

Hat for me

ความชอบในการการแต่งตัวอีกแบบของเราก็คือ

หมวกที่เข้ากับชุด!

ใช่ค่ะ เราเป็นผู้หญิง บางทีการมีอะไรบนหัว

ก็ช่วยเพิ่มสีสันให้กับชุดของเราได้นะคะ

หมวดทรงที่ชอบก็จะออกแมนๆ นิดๆ ^^

ซึ่งเวลาเราออกไปข้างนอก จะต้องเลือกกันแล้วล่ะ

ว่าเข้ากับชุดเรารึป่าว

กับแนวนี้เราจะชอบใส่มากกว่าแนวอื่นๆ เพราะ..

ค่อนข้างเข้ากับชุดที่เลือกในทั่วๆไปของเราอยู่แล้ว 

และบังแดดให้เราได้ด้วย 

ที่เชียงใหม่ แดดก็ใช่ย่อยนะคะ ^_^

แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลค่ะ

ที่เราชอบแบบนี้คงเป็นเพราะเราเป็น ผู้หญิงตัวใหญ่

สูงด้วย ก็เลยออกแมนๆ ^^

หล่อเลยใช่มั้ยล่ะ ^0^

ไว้จะมาบอกเล่าเรื่องเราให้ฟังใหม่ ครั้งหน้า 

ขอตัวก่อนค่ะ ฟริ้ววว! 💃

Classic Cars

นึกถึงความเก่า ความคลาสสิค

ก็ต้องนี่เลยค่ะ รถเก่า ^^

นี่เป็นความชอบส่วนตัวค่ะไม่เข้าใจทำไมถึงชอบรถเก่าๆแบบนี้

มองอยู่ดีๆ ก็สะดุดลูกตา เฉยเลย ฮ่าๆๆ

รถ Classic ที่เราชอบก็เป็นประเภท แนวน่ารักๆ

เช่น

Austin Mini Cooper 1275s Mark I เป็นรถปี 1967

Volkswagen

อย่างสุดท้ายนี่ เรากรี๊ดดดด ที่สุดเลยนะ >3<

Vespa

 ประวัติความเป็นมาของรถ vespa


     เวสป้าเกิดที่เมืองฟลอเรนซ์ แต่เมืองที่ถือเป็นบ้านเกิดของเวสป้าที่แท้จริงคือเมืองปอนเตเดราเมืองอุตสาหกรรมในแคว้นทัสกานี ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานของบริษัท พิอาจิโอในปัจจุบันเป็นเมืองเล็กๆที่ชื่อไม่คุ้นหูนักท่องเที่ยวชาวไทยสักเท่าไหร่ แต่สำหรับคนรักรถเวสป้า นี่คือเป้าหมายที่ห้ามพลาด
     เวสป้าไม่ใช่แค่มอไซค์สกู๊ตเตอร์ แต่เป็นไอดอลทางการออแบบยานพาหนะ ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีความคิดสร้างสรรค์ ความน่าสนใจของเวสป้า ไม่ได้เป็นแค่สัญลัษณ์ของประเทศอิตาลี แต่มันยังข้ามน้ำข้ามทะเล โอนสัญชาติชีวิตในเมืองไทยนานหลายสิบปี เราพบเห็นเวสป้าได้ตามตลาดนัดโปสเตอร์โฆษณายุคเก่า ในโรงรถของนักสะสมมอเตอร์ไซค์คลาสสิค ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยมานาน โรงงานพิอาจิโอไม่ต่างจากโรงงานอุสาหกรรมทั่วไป ที่เซอร์ไพรส์คือการอนุรักษ์เรื่องราวและขั้นตอนในการผลิตเวสป้าไว้เหมือนเดิม ขั้นตอนการประกอบเวสป้าหนึ่งคัน จะเริ่มจากโครงแผ่นเหล็กคุณภาพสูง นำมาขึ้นรูปเป็นทรงประกอบเข้าเป็นเฟรม พ่นสีตามลายที่กำหนด ประกอบเข้ากับเครื่องยนต์และส่วนประกอบอื่นๆ เอกลัษณ์อย่างหนึ่งของเวสป้า คือวิธีการผลิตที่เน้นใช้มนุษย์ เช่น การพ่นสีตัวถัง ในขณะที่โรงงานมอเตอร์ไซค์แบรนด์อื่นใช้เครื่องยนต์ในการพ่นทั้งหมด เวสป้าใช้พนักงานพ่นสีทับ
3-4ชั้น ก่อนส่งไปประกอบต่อ อีกส่วนที่โดดเด่นของเวสป้าคือ การใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบหลังในตัวถังในขณะที่แบรนด์อื่นจะใช้พลาสติกมาประกอบเพื่อลดทุนแต่ผลิตได้มากขึ้น แต่เวสป้าไม่เชื่อวิธีนั้น


              Corradino D' Ascanio นักออกแบบที่เชี่ยงชาญในด้านการวิศวกรรมการบินก็ได้เข้ามาร่วมงานด้วยเขาเป็นคนออกแบบภาพร่างเกี่ยวกับยานยนต์แบบใหม่เรียบง่าย ไม่สิ้นเปลือง และสะดวกสบาย สวยงามควบคู่กันไป เมื่อเขาออกแบบได้รับความสนใจทันที มันไม่ใช่ความเพ้อฝันของเขาอีกต่อไป และความฝันของเขา คือการปฎิวัติวงการยานยนต์แบบใหม่ เขาใช้เทคโนโลยีของเครื่องบินบวกกับโครงสร้างแบบชิ้นเดียว ลักษณะ เป็นง่ามเหมือนล้อลงดินของเครื่องบิน ซึ่งง่ายต่อการถอดล้อ เขาเรียกมันว่า MP6 และในที่สุดยานยนต์ต้นแบบที่ทุกคนรอคอยกัน ก็ได้ถือกำเนิดจากการผลิตใน เดือน กุมภาพันธ์ 1945 ซึ่ง  Enrico Piaggio ได้ให้ฉายาว่า " Samba Una Vespa " เพราะมันมีลักษณะคล้ายตัวต่อ เสียงเครื่องยนต์ก็ดังคล้ายตัวต่ออีกด้วย นี้คือที่มาของชื่อรถ vespa ที่เรารู้จักกัน 

ลักษณะของรถที่คล้ายตัวต่อ

ในเดือนธันวาคมปีค.ศ. 1945 รถเวสป้ารุ่น MP6 ก็ถูกผลิตออกมาด้วยองค์ประกอบหลายอย่างที่สะดวกสบาย มีล้ออะไหล่ซึ่งขับขี่แบบง่ายๆถ้าในเวลาขับขี่รถติดก็มีที่กำบังกันน้ำ กระเด็นใส่ Enrico ได้ฟังเสียงรถ MP6 เขาร้องออกมาว่า"มันเหมือนตัวต่อ ร้องเลย" ตั้งแต่นั้นมา Enrico ก็เลยให้ชื่อเสียงเรียงนามเรียกรถนี้ว่า Vespa ซึ่งแปลว่าตัวต่อ (Wasp)

รุ่นแรกมี scooterขนาดเล็กที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบชั้นเดียวแทน หลังจากผลิตรถรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 100 คัน จากนั้นจึงลงมือผลิตรุ่นที่ใช้ชื่อว่า Vespa (Wasp) ออกมารถรุ่นนี้มีความก้าวหน้ามากทั้งในด้านรูปทรงและ ด้านวิศวกรรม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของVespa ที่มีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจนถึงกลางทศวรรษ1990 scooter รุ่นแรกที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 98cc.ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีขนาด 125cc. 150cc.และ 200cc. ตามลำดับ

สำหรับคนที่เล่นพวกรถคลาสสิคพวกนี้น่าจะมีกำลังทรัพย์มากพอสมควรนะ เพราะไหนจะค่าอะไหล่รถ ซึ่งบางอย่างก็หายาก ค่าแต่งรถ หรือบางทีอาจโดนใบสั่งจากตำรวจอีกเพราะเวสป้าบางคันมันก็ไม่มีทะเบียน
ในประเทศไทย Piaggio Group มีตัวแทนจำหน่ายรถเวสป้า ดำเนินธุรกิจโดย บริษัทไทยเจริญอะไหล่ยนต์ จำกัด

น่ารักใช่มั้ยล่ะ ^^"

ถ้าอยากเห็นรถพวกนี้ล่ะก็

ที่เชียงใหม่หาดูได้ทั่วไปเลยค่ะ ชอบมากกก

รู้สึกฟินมาก ที่ได้มาอยู่เชียงใหม่ อิอิ

แล้วคุณล่ะ ชอบรถแบบไหนกันนะ 

เรามีความสุขอยู่กับสิ่งที่เรารัก

ดีทีสุดแล้ว :')

Bye Bye!

It's me.

About me

ยินดีต้อนรับทุกคนค่ะ!! :')



วันนี้ก็... จะมาบอกเกี่ยวกับตัวเรานะคะ

สวัสดีค่ะ ชื่อ : ศรัณยา บุรีเทพ นะคะ

ชื่อเล่น : จอมยุ่ง

เพื่อนเรียก : ไอ่จอม กระเทย และ บ๊วย!!

ความชอบส่วนตัวทั่วไปก็คือ...

สีที่ชอบ : สีฟ้า สีส้ม และสีเขียวมะนาว

อาหาร : ทุกอย่างที่อร่อย และไม่เผ็ด ฮ่าๆ ^3^

สัตว์ที่ชอบ : สุนัข โดยเฉพาะ โกลเดน รีทีฟเวอร์

งานอดิเรก : ดูหนัง ฟังเพลง ร้องเพลง เล่นเกมส์ และอ่านหนังสือ :)

...ความสามารถพิเศษ...

เล่นเครื่องดนตรีไทยได้ 

Such as ซอด้วง ซออู้

^^

Vintage

vintage

Vintage ในความเข้าใจของโลกแฟชั่นก็คือการที่นำสิ่งของ

แฟชั่น เครื่องใช้ ที่ในยุคหนึ่งๆ เคยเป็นที่นิยม

แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ในยุคปัจจุบัน

หลายคนคงสงสัยว่า Vintage คืออะไร??

Vintage ความหมาย คือการหมักบ่มไวน์ หรือ antique ที่แปลว่าเก่า นี่เองค่ะ :')

 

แฟชั่น Vintage Style นอกจากจะดูงดงามแล้ว

แต่ยังได้กลิ่นอายของความละเมียดละไม

ดูมีความทรงจำและเรื่องราวของกาลเวลาติดมาด้วย

เป็นการแต่งตัวที่โดนใจมาตั้งแต่สมัยเด็กๆค่ะ

ที่เราชอบสไตล์การแต่งตัวแบบ Vintage เพราะว่า



เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว..

มีการรวมญาติที่บ้าน เราก็เห็นลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง

ใส่กางเกงยีนส์ขาม้ากับเสื้อกล้ามสีครีม

ก็สะดุดตาขึ้นมา! แต่ตอนนั้น เรายังไม่รู้จักการแต่งตัวเลยสักนิด ฮ่าๆ



ซึ่ง.. ตอนนี้ก็มารู้จักคำว่า Vintage จากโลกที่โตขึ้นมา ก็เกิดความรู้สึกว่าใช่!!



........

นี่ก็คือรูปที่เราแต่งแนว Vintage ในงาน Meeting ของคณะวิทยาลัยนานาชาติ

เมื่อไม่นานมานี่เองค่ะ :')



ปัจจุบันนี้ ยังคงเป็นที่นิยมในโลกแฟชั่นอยู่เลย

เอ๊ะ! ลืมบอกไป ว่ายังมีอีกเหตุผลท่ชอบแนวนี้

ก็เพราะว่า..

เราไม่ต้องเสียเงินซื้อชุดใหม่ไปซะหมดหรอกค่ะ

ลองไปค้นในตู้เสื้อผ้าคุณแม่ดู มีเยอะเลยล่ะ ฮ่าๆ ^^"

เริ่มสนใจลองมาแต่งแนวนี้บ้างมั้ยละคะ

สวยๆ เก๋ๆ แนวๆ